見出し画像

4th July 2023: How many languages do you speak?

ถ้ามีใครสักคนเดินเข้ามาถามเราว่า 'How many languages do you speak?'เราคงจะตอบไปว่า 'Two and a half.'

และเขาจะต้องสงสัยแน่ ๆ ว่าภาษาที่ได้ 'ครึ่งหนึ่ง' เนี่ยมันคือภาษาอะไรกันนะ และคงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอีก 2 ภาษาที่พูดได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นเราคงจะตอบไปอย่างภูมิใจว่า 'ภาษาญี่ปุ่น' ค่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ถึงครึ่งก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็เดินทางของมันไปเรื่อย ๆ และยังคงมีแรงจะเรียนต่อไป

ได้มีโอกาสดูบทสัมภาษณ์หนึ่งใน YouTube ส่วนใหญ่แล้วจะไปตามประเทศต่าง ๆ เพื่อถามคนเหล่านั้นว่า ‘How many languages do you speak?’ หลังจากที่ดูมากขึ้น ผู้สัมภาษณ์ก็ได้มีโอกาสถามคนมากขึ้น ทำให้รู้ว่าคนในอีกซีกโลกหนึ่งสามารถพูดได้ขั้นต่ำ 3 ภาษาและก็มากพอที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตอีกหลายสิบประเทศได้โดยไม่ลำบาก

เรารู้ตัวเลยว่าโลกของเรา ‘แคบมาก’ แม้จะพยายามอ่านหนังสือ ดูหนัง หรือดูสารคดีต่าง ๆ เพื่อเปิดโลกก็ตาม แต่ก่อนหน้าที่เราจะเรียนภาษาญี่ปุ่น เรารู้แค่โลกที่ใช้แต่ภาษาอังกฤษและภาษาไทยเท่านั้น ยังมีอีกหลายประเทศ หลายวัฒนธรรม หลายภาษาที่เราไม่สามารถเข้าถึงได้

ที่จริงต้องย้อนไปก่อนหน้านี้ว่า เราได้มีโอกาสไปอังกฤษรอบที่ 2 ในชีวิต ซึ่งเป็น Solo Trip

เราได้มีโอกาสไปทำงานร่วมกับคนที่มาจากประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน โปแลนด์ บราซิล เกาหลีใต้ อังกฤษ ฝรั่งเศสและเวียดนาม เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ในตอนแรกที่เราได้รับโอกาสนี้ เรากลัวมาก เพราะเราไม่ได้คิดว่าตัวเองจะไปคนเดียวได้ และสามารถเข้ากับคนที่มาจากประเทศอื่นได้ และที่สำคัญประเทศที่เรามาคือประเทศไทย เราไม่แน่ใจว่าจะมีคนอยากจะคุยกับเราหรือเปล่า

หลังจากไปอยู่ได้ 2 วัน เราก็รู้สึกว่าเราคงต้องใช้ความพยายามในการเข้าหาคนอื่นมากขึ้น พยายามที่จะหาเรื่องคุยมากขึ้น และหลังจากอยู่ด้วยกันตลอด 1 สัปดาห์ เราได้เรียนรู้หลายอย่างจากพวกเขา ทำให้โลกของเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เราไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป…

at University of Cambridge

ไม่น่าเชื่อว่าเราใช้เวลาอยู่คนเดียวที่อังกฤษเพียงแค่ 1 สัปดาห์กับคน ภาษาและวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคย แต่สามารถเปลี่ยนมุมมองของเราได้ขนาดนั้น เรารู้เลยว่า 'เธอเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งในโลกใบนี้' ยังมีอีกหลายอย่างมากที่เธอยังไม่รู้และรอให้เธอไปค้นหา เราเลยตัดสินใจว่าเราจะต้องออกเดินทางเพื่อไปหาให้เจอว่า 'ความหมายในชีวิตของเรา' คืออะไร?

กุญแจที่จะไขประตูไปสู่โลกของเราอีกใบอยู่ที่ไหน?
เราจะได้เจอหรือไม่? ไม่มีใครรู้ได้ดีเท่าตัวเราเอง

at Abbey College, Cambridge

แค่ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษที่มีติดตัวมาไม่เพียงพอที่จะให้เราตามหากุญแจนั้นเจอหรอกนะ เราเลยตั้งใจอย่างสุดความสามารถที่จะนำพาตัวเองไปใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศ เพื่อให้ได้สัมผัสกับชีวิตที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน

เรารับโอกาสจากคนอื่นเสมอเมื่อมีคนหยิบยื่นมาให้
เราไม่รู้ว่าเราดูเป็นคนอย่างไรในสายตาของครอบครัวเรา เราไม่เหมือนใครในบ้าน เรากล้าที่จะไปทำในสิ่งที่คนอื่นอาจจะกลัว แต่หลายครั้งก็กลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว

จนได้มาเรียนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าจะมาเรียนภาษาเท่านั้น แต่ก็ทำให้รู้จักคนจากอีกโลกหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ โลกของเราไม่เล็กเท่าเดิมอีกแล้ว

แต่ทว่า ภาษาที่เรารู้นั้น 2 ใน 3 ภาษา อยู่ในทวีปเอเชียถึงวัฒนธรรมและภาษาจะไม่คล้ายกัน แต่แน่นอนว่าเรา 'คุ้นเคย'

เมื่อเทียบกับประเทศอื่นอย่างเช่น ประเทศในแถบตะวันออกกลาง หรือประเทศในแทบอเมริกาใต้แล้ว เราไม่มีความรู้และความเข้าใจอะไรเลยเกี่ยวกับพวกเขา หรือแม้แต่ประเทศในยุโรปอันกว้างใหญ่

เพราะโลกกว้างขนาดนี้ เราเลยเข้าใจเลยว่าทำไมประเทศอังกฤษถึงกำหนดในหลักสูตรว่าให้เด็กที่เรียนอยู่ใน Key Stage 2 ต้องเรียนภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาที่ตัวเองคุ้นเคยด้วย เด็กอังกฤษต้องเรียนภาษาตัวเอง ภาษาละติน ภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาสเปนอยู่แล้ว แต่ต้องเรียนภาษาจากทวีปอื่นด้วย เช่น ภาษาจีนหรืออาหรับ เพื่อ 'broaden their mind through languages'

เพราะการเรียนภาษาไม่ใช่แค่เพื่อรู้ภาษา
แต่ภาษาเป็นกุญแจสำคัญเพื่อไปสู่โลกอีกใบ โลกที่เราไม่เคยได้สัมผัส

ภาษาอังกฤษยังคงเป็นภาษากลางที่สามารถเข้าถึงโลกใบอื่นได้ง่ายขึ้น แต่อย่าลืมว่ายังมีอีกหลายร้อยประเทศทั่วโลกไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ และยิ่งถ้าเราใช้ภาษาอังกฤษก็ยิ่งดูห่างไกลออกไปจากพวกเขา แต่เราอยากเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา

พอได้มาอยู่ที่ญี่ปุ่น เราคิดแค่ว่า… ไม่ว่าอย่างไรคนก็คงมองเราว่าเป็น 'คนต่างชาติ’ อยู่ดี แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีความหวังว่าถ้าเราใช้ภาษาได้เหมาะสม วางตัวได้ดี ถึงแม้อัตลักษณ์ของเราจะไม่ใช่คนในประเทศนี้ แต่เขาก็จะยอมรับเราได้ในที่สุด

เราไม่เคยโดนตำรวจเรียก เราไม่เคยเจอคนทำท่าทางรังเกียจใส่เวลาขึ้นรถไฟ เราไม่เคยโดนปฏิเสธจากคนท้องถิ่นเวลาเราเข้าไปกินอาหารที่ร้านหรือซื้อของ (ถึงแม้ภาษาญี่ปุ่นเราจะไม่เก่งก็ตาม) เราเชื่อว่าเพราะเราวางตัวเองให้กลมกลืนกับคนญี่ปุ่นได้

สิ่งที่เราค้นพบระหว่างที่มาอยู่ที่นี่ก็คือเมื่อไรก็ตามที่เราพูดภาษาญี่ปุ่น เราจะกลายเป็นอีกคนหนึ่ง คนนั้นยังเป็นตัวเราอยู่แต่แค่ในอีกมุมหนึ่ง เมื่อเราพูดภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาแม่ของเราเองนั้น เราก็เป็นอีกคนหนึ่ง เมื่อเราพูดภาษาอังกฤษ เราก็จะกลายเป็นคนที่มีความมั่นใจขึ้นมา ซึ่งเป็นด้านที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรามากที่สุด มันน่าแปลกที่ภาษาก็ทำให้เรามีบุคลิกที่เปลี่ยนไปได้ด้วย

เมื่อรู้ภาษา เราก็จะรู้วัฒนธรรมของเขาไปด้วย มันเป็นของคู่กันที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ และตัวตนของเราก็จะต่างออกไปเช่นกัน และเรามองว่าสิ่งนี้เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการเรียนภาษา ลองคิดดูว่าเราจะมีอีกกี่ตัวตนถ้าเรารู้ภาษาอื่นมากขึ้น

ตอนนี้เองเราก็มีความหวังเล็ก ๆ ว่าเราจะมีโอกาสไปนั่งกินข้าวกับคนญี่ปุ่นในบ้านของคนญี่ปุ่นบ้าง
อยากมีโอกาสได้พูดคุยเรื่องจิปาถะ หรือแม้แต่เรื่องการเมืองก็ตาม เราอยากมีโอกาสได้รู้จักพวกเขามากกว่านี้
ถึงแม้ว่าภาษาญี่ปุ่นจะยังยากสำหรับเราในตอนนี้ก็ตาม

อยากจะอธิบายให้ดีกว่านี้แต่โลกของเรามีเท่านี้
โชคดีที่เรายังพอมีเวลาที่จะค้นหากุญแจของเราอยู่
ยังมีโลกอีกหลายใบที่เราต้องไปเจอ
คนอีกหลายคนที่เราต้องไปพบ

ถ้าถามว่าเหตุผลที่มีชีวิตอยู่คืออะไร ก็คงเพราะเรื่องนี้…

ถึงอย่างนั้น เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกภาษาขนาดนั้นก็ได้ (พูดเพื่อปลอบใจตัวเอง) เพราะมีคนที่เก่งภาษาอยู่มากมาย คนที่จะสามารถช่วยเหลือเราได้ แต่สิ่งนี้มันทำให้เราตระหนักได้ว่า 'โลกใบนี้มันกว้างมาก' กว้างซะจนเราเองเหลือตัวแค่นิดเดียวจริง ๆ

この記事が気に入ったらサポートをしてみませんか?